วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2562

[2nd] Trip to Japan 2019 [Day-3]

Day - 3
2019 / 12 / 17

วันนี้ไปGala Yuzawa~~~~ จองรถไฟและที่นั่งไปตั้งแต่วันแรก 

จองชินคันเซ็นไว้รอบ 7:18 ไปขึ้นที่ Ueno จากสถานี Inaricho นั่งรถไฟใต้ดินไปสถานีเดียว จะเดินไปก็ได้อยู่ใกล้ๆกันเลย

เราถึง Ueno ตอน 7:00 น. เลือกซื้อข้าวกล่องไปกินบนรถไฟ ระหว่างนั้นก็ยืนดูชินคันเซ็นเพลินๆ คันนี้ออก คันนู้นมาเพลินตาดี

ไปถึงชานชาลาของเรา ดูที่ป้ายดีๆเพราะชานชาลาไม่ได้มีแค่รถไฟของเราคันเดียว มีคันอื่นมาด้วย ซึ่ง ณ เวลานี้ยังไม่ใช้คันของเรา ของเราเป็นคันที่ 2

คันนี้ไปกาล่าเหมือนกันเป็น Max Toki เป็นชินคันเซ็น 2 ชั้น


คันนี้ไปรอไม่นานคันของเราก็มา Shinkansen Tanigawa

ไปกาล่าแน่นอน

ขึ้นไปเลยจ้า

ที่นั่งกว้างขวาง นั่งสบาย


ได้เวลาเปิดข้าวกล่อง 

อันนี้ของแม่ คิดว่าน่าจะเป็นเนื้อ

ส่วนกล่องนี้ของน้องมีปลาไหลและ(น่าจะ)แฮมเบิร์ก

ส่วนตัวเรานั้นเหมือนเดิม หลับอีกแล้วจ้าา สะดุ้งตื่นเสียงประกาศว่ากาล่าเปิดไม่ได้!!!! เศร้าเลยทีนี้ จากตอนแรกปลายทางของเราคือสถานีGala Yuzawa ก็เลยตัดสินใจลงที่สถานีEchigo Yuzawa แทน

คือตอนแรกอ่ะ Gala ประกาศว่าจะเปิด 14 ธันวา แต่พอวันที่ 13 ธันวาเรามาเช็คข่าวกลายเป็นว่า 14 เปิดไม่ได้เพราะหิมะจากตอนแรกที่ตกมาหลังจากนั้นอุณหภูมิดันสูงขึ้นซะงั้นหิมะหายไปหมดเลยเลยเปิดไม่ได้ เราก็ได้แต่รอฟังข่าววันต่อวัน 

พอมาวันที่ 14 เขาก็แจ้งว่าจะเปิดวันที่ 16 แต่จะเปิดในส่วนของกอนโดล่าและBell of love สกียังเปิดไม่ได้เพราะหิมะยังไม่หนาพอ เราก็โอเคไม่เป็นไรเพราะไม่เล่นสกีอยู่แล้ว วันที่ 15 เราก็ไปซื้อตั๋วชินคันเซ็นล่วงหน้าเลย พอวันที่ 17 เราเดินทางไปแล้วดั๊นนนมาประกาศปิดกลางทางซะได้นี่

เมื่อเดินเข้ามาในสถานีก็เจอกับป้ายประกาศของกาล่า เป็นเศร้า!

แพลนเราตอนแรกคือ 8:43 น.ถึงกาล่า เล่นหิมะ ถ่ายรูปเล่นนู่นนี่นั่น กินข้าวเที่ยงที่นั่นเลย แล้ว 13:38 น. ขึ้นชินคันเซ็นกลับไปลงสถานีTokyo สรุปก็ต้องไปเปลี่ยนตั๋วขากลับใหม่เป็นรอบ 9:28 น. ถึง Ueno 10:54 น. เราก็เลยเปลี่ยนแพลนใหม่หมดทุกอย่าง

เปลี่ยนตั๋วเสร็จก็ลองเดินออกไปข้างนอกสัมผัสอากาศสักหน่อย หนาวมากกก


บนภูเขามีหิมะอยู่นิดดดดดหนึ่ง

แล้วก็ไม่รู้จะไปไหนต่อเลยเดินกลับเข้ามาในสถานีไปเจอกับบูธขายพวกขนมของฝากอะไรงี้พอดีเลยซื้อกันมาสามสี่ถุงได้tax free เลย 

................................

เมื่อกลับมาถึง Ueno ก็กลับโรงแรมถอดเสื้อผ้าบางส่วนออกและก็กลับไปวัดเซ็นโซจิอีกรอบ แม่ติดใจเนื้อย่างอยากกลับไปกินอีก

วันนี้เราเปิดใช้ Tokyo subway pass เป็นวันแรก

วิธีใช้คือสอดเข้าไปในช่องเหมือนbtsบ้านเราเลย ด้านไหนก็ได้เดี๋ยวมันไปสลับให้เอง เมื่อใช้ครั้งแรกด้านหลังจะพิมพ์บอกวันหมดอายุให้ด้วย

ของเราเปิดใช้วันที่ 17 / 12 /2019 11:25 น. จะใช้ได้ถึงวันที่ 19 / 12 / 2019 11:25 น. พาสนี้นับเป็นชั่วโมงไม่ได้นับเป็นวันเหมือนwide pass

ไปตั้งต้นกันที่วัดเซ็นโซจิกันก่อนเลย วันนี้อากาศอึมครึมๆ ฝนไม่ตก แต่มีหมอก เห็นสกายทรีได้ไม่ถึงยอด

วันนี้รู้สึกคนน้อยกว่าวันแรกที่เรามา สามารถเดินเข้าเดินออกร้านนั้นร้านนี้ได้สบาย มีเวลาซื้อของฝากเยอะเลย



มาถึงก็ไปหาเต้นท์ของกินก่อนเลย แต่วันนี้หาร้านเนื้อย่างไม่เจอสงสัยไม่มาหรืออย่างไร




อิ่มหนำกันแล้วก็ไปสถานที่ต่อไป

Tokyo Station~~~~ มาถ่ายรูปสถานี สวยมากเลย ด้านหน้าสถานีเป็นลานกว้างงงงมาก


จุดประสงค์จริงๆที่มาที่นี่คือนี่จ้า Apple Store มาทำไม มาซื้อเม้าส์ ราคาก็ไม่ได้ต่างจากไทยเท่าไหร่เพียงแต่อยู่ไทยมันซื้อไม่ลง 555555


จากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆ น้องจะไปหาต้นคริสต์มาสstar wars

ด้านในก็จะมีpop up store ให้บรรดาแฟนคลับได้เสียเงินกัน

น้องชอบรองเท้ามากแต่ไซส์ไม่มี....อด ไซส์ใหญ่สุดที่เขามี ณ ที่ตรงนี้คือ 43 แต่น้อง 46 คนขายยังตกใจ 55555





ออกมาถ่ายรูปอีกนิดๆหน่อยๆ จากนั้นก็ไปสถานีต่อไปกันเลย



สถานีต่อไปชินจูกุ วันนี้คือไม่มีอะไรเลยแพลนล่มเลยกลายเป็นวันซื้อของฝากและของฝากซื้อแทน น้องก็มาซื้อฟิล์มกล้องให้เพื่อนที่ฝากซื้อมา

เดินๆไปก็ไปเจอกับก็อตซิล่า

พอได้ของครบหมดแล้ว มื้อเย็นนี้ไปกิน Haidilao ไปถึงก็ได้โต๊ะเลยไม่ต้องรอ

ไม่เคยกินที่ไทยนะไม่รู้จะเปรียบเทียบยังไง แต่โดยรวมแล้วเราว่าอร่อยดี ใช้ได้ แต่งงๆน้ำจิ้มเพราะมีเยอะมากกกกก และเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน พวกเนื้อต่างๆสามารถกดจากไอแพดได้เลย มีภาษาอังกฤษและภาษาไทยแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะชื่ออาหารไม่ได้แปลมาให้ -.- มันแปลแค่พวกแถบเมนูด้านข้างอ่ะ



กินเสร็จแล้วกลับโรงแรม จริงๆคือพาพ่อกับแม่กลับโรงแรมส่วนเรากับน้องออกมาตระเวนข้างนอกกันต่อ 555555 ไปGinza~~~

ไปโดนเสื้อยูนิโคล่กันคนละตัวสองตัว แล้วก็ไปกินLobster roll แต่เนื่องจากร้านจะปิดแล้วเลยซื้อกลับมากินที่โรงแรม


จะสามทุ่มแล้ว ห้างร้านส่วนใหญ่ก็จะปิดกันหมดเลยกลับกันดีกว่า ไปหาชานมไข่มุกที่Ameyokoกินเผื่อจะมีซักร้านที่ปิดดึก 

เดินๆๆไปหาร้าน Hi cha ก็ปิดแล้ว เดินวนไปวนมาก็ไปเจอกับร้าน Panda Sugar เลยสั่งบราวน์ชูก้ามาลอง แล้วก็หิ้วกลับไปกินที่โรงแรม

ได้เวลากินแล้ววว ล็อบสเตอร์ของเรา อร่อยเหมือนเดิม เนื้อล็อบเตอร์แน่นๆ ใหญ่ๆ เต็มปากเต็มคำ

กินกับบราวน์ชูก้า อร่อยมากเลย ที่ญี่ปุ่นนี่แก้วใหญ่ก็คือใหญ่จริง

กินเสร็จก็อาบน้ำ นอน พักผ่อนเอาแรงสำหรับเที่ยววันต่อไป


จบ Day-3

วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2562

[2nd] Trip to Japan 2019 [Day-2]

Day - 2
2019 / 12 / 16



วันนี้เราจะไปหาภูเขาไฟฟูจิกันนน 6:10 น. ออกจากโรงแรม ยังมืดๆอยู่เลย

เราได้จองรถไฟโดยใช้ Wide pass ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ต้องไปขึ้นที่ชินจูกุ นั่งรถไฟจากสถานีInaricho ไปเลย

ไปถึงก็เกือบๆเจ็ดโมง เราจองรถไฟรอบ 7:30 น.ไว้ เผื่อเวลามาเลือกข้าวกล่อง เลือกของกินไปกินบนรถไฟ

เมื่อเราถึงสถานีShinjuku แล้วก็หาชานชาลาสำหรับรถไฟ Azusa ให้ดูป้ายสาย Chuo Line (Limited Express) for Otsuki ไว้

ขึ้นไปเลย คิดว่าสถานีคงจะอยู่ระหว่างปรับปรุงอยู่


ตอนนี้เราก็เริ่มใช้ Wide pass ได้เลย เพียงแค่เข้าช่องที่อยู่ตรงห้องที่มีจนท.ยืนอยู่(ส่วนใหญ่จะอยู่ช่องไม่ขวาสุดก็ซ้ายสุด) เมื่อเริ่มใช้ครั้งแรกจนท.จะปั๊มตราลงบนพาสให้เราเพื่อระบุวันที่เราเริ่มใช้

และนี่คือตั๋วที่นั่งที่เราได้ทำการจองไว้เมื่อวาน อย่าลืมไปยืนตรงจุดตู้ขบวนที่ระบุตามตั๋วให้ถูกต้อง


รถไฟมาโดยไม่ทันตั้งตัว ยกกล้องถ่ายไม่ทัน 55555 ถ่ายได้แค่ส่วนตู้ขบวน


ข้าวกล่องที่น้องเลือกมา น่าจะเป็นข้าวหน้าเนื้อ ซึ่งเรากินข้าวเช้าไม่ได้อดไป


และก็ได้เวลาหลับอีกแล้ว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงถึงสถานี Otsuki ความรู้สึกแรกที่ลงมาจากรถไฟคือคุณพระคุณเจ้าหนาวมากกกกก ทำไมมันหนาวแบบนี้ สั่นเลย เราใส่ฮีทเทคสองตัวกับโค้ทขนเป็ดยังสั่นเลย กางเกงก็ฮีทเทคสองชั้นนะยังรู้สึกเอาไม่อยู่

1 องศาจ้า

จากนั้นเราต้องไปเปลี่ยนเป็นสาย Fujikyu Railway ที่นี่ป้ายบอกชัดเจนไม่มีหลง เดินตามป้ายไปเลย



ตรงจุดนี้ถ้าใครไม่ได้ใช้wide pass ก็ให้ไปทางช่องซ้ายเพื่อไปซื้อตั๋ว แต่ถ้าใครใช้ wide pass ให้โชว์พาสให้จนท.ดูทางช่องขวาเดินเข้าได้เลย

มายืนที่ชานชาลารอรถไฟก็เจอกับรถไฟลายนารูโตะจอดอยู่


ยืนรอไม่นานรถไฟก็มา เหมือนเราจะได้ขึ้นเป็นกลุ่มแรกเลยมั้งเนี่ย

รถไฟออกได้ประมาณ 20 นาทีก็แอบเห็นยอดภูเขาไฟฟูจิแล้ววววววว วันนี้ฟ้าแจ่มเป็นใจมากๆ 

สวยสุดๆอ่ะ อย่างกับภาพตัดต่อ ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นใกล้ๆขนาดนี้ เจอลูกใหญ่เลย ตอนเห็นภาพที่หลายๆคนถ่ายมายังคิดอยู่ว่าเขาอาจจะใช้เลนส์ซูมอะไรรึเปล่ามันไม่น่าจะเห็นได้ใหญ่ขนาดนี้ พอมาเห็นกับตาตัวเองนี่ทึ่งเลย

สวยอย่างกับตัดต่อ 55555 สวยมากจริงๆ


ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมงก็มาถึงสถานี Shimoyoshida มีภาษาไทยด้วยแสดงว่าคนไทยมาเยอะจริงๆ

แม่เกิดหิวเห็นมีร้านร้านหนึ่งอยู่ข้างๆสถานีเลยแวะเข้าไปสักหน่อย เป็นคาเฟ่ขายพวกเค้ก กาแฟ มีอาหารนิดๆหน่อยๆ

กินเค้กกันตั้งแต่เช้าเลยใครเป็นคนคิดดดดด เรากินได้แค่นิดๆหน่อยๆก็อร่อยดีเหมือนกัน


เดิมทีตามแผนที่เราวางไว้คือจะไป Chureito Pagoda หรือเจดีย์แดง แต่พอบอกพ่อว่าต้องเดินขึ้นบันไดหลายร้อยขั้นพ่อก็ไม่ไป อ่ะ งั้นเราก็เลยเลือกเดินชมวิวในเมืองไปละกัน




แมวญี่ปุ่น เดินตามมาตลอดเห็นแล้วอยากอุ้มกลับไทยจริงๆ

และแล้วก็เดินมาถึงจุดถ่ายภูเขาไฟฟูจิยอดฮิต เนี่ยย มันสวยเหมือนตัดต่อจริงๆอ่ะ 555555 



และก็อีกเหมือนเดิม แผนที่เราวางไว้คือจะไปKawaguchiko พ่อก็ไม่ไปอีก เลยกลับโตเกียวละกัน ไปออกตั๋วใหม่จากที่เราจองไปเมื่อวาน เป็นรอบ 13:06 น. แทน



.....................................

ถึงโตเกียวก็กลับโรงแรมไปถอดพวกฮีทเทคออกให้เหลือตัวเดียว อากาศโตเกียวไม่ต้องการความอบอุ่นขนาดนั้น

ข้าวเที่ยงยังไม่ได้กินกันเดินผ่านyaoiก็เข้าไปเลย เนื่องจากทุกคนอยากกินเนื้อและไม่รู้จะสั่งอะไรดี เลยเอาเหมือนๆกันหมด เป็นเนื้อสเต็กหั่น อร่อยใช้ได้



กินเสร็จก็เดินไปตลาดAmeyoko




และน้องก็โดนร้านYamashiroyaตกไปเรียบร้อย ให้เราไปเดินตลาดกับพ่อและแม่แทน

ส่วนเรากับแม่ก็เดินเข้ามาได้หน่อยเดียวก็โดนร้านของฝากตกไปเหมือนกัน 555555


เดินเที่ยวซื้อของฝากกันไปเรื่อยๆ

ชานมไข่มุกเจ้าโปรด Hi Cha อยู่ตรงข้ามกับ Ueno Station Hostel Oriental 1 เลย

ช็อปปิ้งจนหนำใจแล้วก็ไปTokyo Skytree กันต่อ


ในที่สุดก็ได้มาสักทีหลังจากแผนล่มไปตั้งแต่ครั้งแรกที่มาญี่ปุ่น สูงมากจริงๆ

เข้าไปซื้อตั๋วกันก่อน

เราซื้อตั๋วแบบ Combo ไปได้ทั้งชั้น 350 เมตร และ 450 เมตร คนละ 3,100 เยน

ไปขึ้นลิฟต์กัน ช่วงที่ไปคนไม่เยอะไม่ต้องซื้อ fast pass ก็ได้ ลิฟต์จะเปิดเป็นรอบๆ คงจะดูจำนวนคนถ้าได้ครบแล้วคงเปิดลิฟต์ให้ขึ้น พนง.จะเป็นคนเปิดลิฟต์ให้เองและก็บรรยายว่าลิฟต์ใช้เวลาเท่าไหร่ ความเร็วเท่าไหร่ไรงี้

พอใกล้ถึงลิฟต์ก็ค่อยๆลดความเร็วจนเหลือ 0

เปิดออกมาก็จะเจอกับชั้น 350 เมตร


บริเวณด้านในก็จะมืดๆ สลัวๆ หน่อยเพื่อที่จะได้มองเห็นวิวด้านนอกชัดๆ


โตเกียวยามค่ำคืน เห็นโตเกียวทาวเวอร์ไกลลิบๆนั่นด้วย


แต่ละจุดก็จะมีจอไว้ให้เราซูมดูมันก็จะขึ้นบอกว่าตรงนั้นคืออะไร


เดินวนจนครบรอบแล้วก็ไปรอขึ้นลิฟต์ไปชั้น 450 เมตร

ด้านบนเราจะเห็นว่าเราค่อยๆขึ้นไปด้วย


ชั้นนี้ก็ไม่มีอะไรมากเราแค่มองเห็นวิวโตเกียวสูงกว่าเดิมแค่นั้น


เดินวนจนครบรอบก็ลงไปไม่แน่ใจว่าชั้น 340 หรือเปล่าที่ตรงพื้นจะเป็นกระจกมองเห็นด้านล่าง

จบจากที่นี่ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ไปกิน Ichiran ramen กันหวังว่าคนจะไม่เยอะอีกนะ

เมื่อไปถึงร้านจะมีพนง.มาถามว่าจะนั่งเป็นโต๊ะใหญ่หรือโต๊ะเดี่ยว(ที่กั้นเป็นล็อคๆ) เราเลือกนั่งโต๊ะใหญ่ จากนั้นเราก็ไปกดที่ตู้ได้เลย เลือกราเมง ถ้าใครจะเอาเนื้อ เส้น ไข่ หรือหมูเพิ่มก็กดเพิ่มเลย

เมื่อเรากดเสร็จแล้วพนง.ก็จะนำใบสีเหลืองมาให้เราและเราก็วงกลมเลือกสิ่งที่เราต้องการ

1. Dashi ซุป (เลือกความเข้มข้นของซุป) = อ่อน // ปานกลาง // เข้มข้น
2. Richness ความมันของน้ำ = ไม่เลย // อ่อน // ปานกลาง // มัน // มันมาก
3. Garlic กระเทียม = ไม่ใส่ // ใส่ // ปกติ // ครึ่งกลีบ // 1กลีบ 
4. Green Onion ต้นหอม = ไม่ใส่ // ใส่ต้นหอม(สีขาว) // ใส่ต้นหอม
5.Chashu หมูสไลด์ = ไม่ใส่ // ใส่
6. Original Spicy Red Sauce ซอสเผ็ด = ไม่เผ็ด // ครึ่งช้อน // ปานกลาง // เผ็ดระดับ 2 // ถ้าต้องการเผ็ดมากกว่า 2 ให้เติมตัวเลขลงไปจนได้ถึงระดับ 10 
7.Noodle Texture เส้น = แข็งมาก // แข็ง // ปานกลาง // นุ่ม // นุ่มมาก


วงเส้นแล้วก็ส่งให้พนง. รอไม่นานราเมงที่เราเลือกก็มาเสิร์ฟ เขาจะถามว่าของใครเป็นของใครไม่ต้องกลัวสลับกัน

เราเป็นคนกินเผ็ดมากนะ แต่ไม่กล้าลองซอสเผ็ดของญี่ปุ่นเลยเลือกแบบซอฟๆระดับ 2 ไปก่อน

ความเผ็ดระดับนี้ถือว่าเด็กๆเลย น้ำซุปเข้มข้นดีอร่อยมาก หอม มีความเผ็ดนิดๆมาตัดความเลี่ยน ถ้าเลือกไม่ใส่พริกเลยคิดว่าคงจะเลี่ยนมาก

ส่วนของแม่เลือกเผ็ดระดับ 10 ลองชิมแล้วเผ็ดระดับนี้เรากินได้เลย ไม่ได้เผ็ดอะไรมากมายจนกินไม่ได้ แต่! รสชาติของพริกมันจะไปกลบความหอมของน้ำซุปมันจะกลายเป็นรสพริกมาแทน แต่โดยรวมถือว่าอร่อยนะ ถ้าใครกินเผ็ดได้นิดหน่อยคิดว่าไม่น่าจะกิน(ระดับ10)ได้ พ่อเป็นคนกินเผ็ดไม่ค่อยได้เลือกพริกครึ่งช้อนยังบ่นเผ็ด 


โดยส่วนตัวเราว่าเผ็ดซัก 4-5 น่าจะกำลังพอดีจะได้กลิ่นหอมของซุปด้วย

กินเสร็จแล้วกลับโรงแรมนอนเตรียมตัวเที่ยววันต่อไป


จบ Day-2