เจแปนอีกแล้วจ้าาาา รอบนี้ไปกันหมดเลยพ่อ แม่ น้อง เที่ยวอย่างเดียวไม่มีติ่ง ขนาดไปมาสองรอบแล้วที่ก็เดิมๆซ้ำๆยังไม่เบื่อเลยชอบมาก
รอบนี้ซื้อตั๋วเครื่องบินแยกเป็นขาๆ เพราะfly-thruแพงมากสู้ไม่ไหว
ขาไปจากเชียงใหม่บินกับสายการบิน thailionair 4 คนรวมค่าน้ำหนักและที่นั่งแล้ว = 4,810 บาท
**ภายหลังทางสายการบินได้ส่งอีเมลมาเปลี่ยนเวลาเป็น 17:00 - 18:15**
บินไปญี่ปุ่นกับสายการบิน thai airasia X เจ้าเดิม เฉพาะค่าตั๋วเครื่องบิน 4 คน = 42,088 บาท ค่อยมา add-on ที่นั่งกับนน.กระเป๋าทีหลัง
add-on
1. ที่นั่งโซนเงียบ 4ที่ (ไป-กลับ) = 4,480 บาท
2. นน.กระเป๋าขาไป 40 กก. = 2,460 บาท
3. นน.กระเป๋าขากลับ 70 กก. = 4,050 บาท
4. อาหาร 4 คน 2 ขา = 1,600 บาท
รวมทั้งหมด 54,678 บาท
และขากลับสายการบินnok air ซื้อแบบ Nok X-tra 4 คน = 4,396 บาท
เงินแลกเป็นเงินสดมาส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็แลกใน Travel Card เหมือนเดิม
ส่วนอินเตอร์เน็ตรอบนี้เห็นดีแทคออกแพ็คเกท Go Travel มาใหม่ แค่กดซื้อแพ็คเกทไม่ต้องเปลี่ยนซิม น่าสนใจมาก ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.dtac.co.th/postpaid/services/roaming/gotravel.html
วิธีซื้อก็ง่ายๆเลย เปิดแอพ DTAC ขึ้นมา
ไปที่แท็บ "แพ็คเกจ" แล้วกดที่ "Go travel"
เลือกแพ็คเกจที่ต้องการ แล้วกดที่ "รายละเอียด"
เงื่อนไข ก็คือแพ็คเกจจะเริ่มนับวันก็ต่อเมื่อจับสัญญาณเน็ตต่างประเทศ
เมื่ออ่านเงื่อนไขเรียบร้อยก็กด "กดเพื่อซื้อ" เลย
สำเร็จแล้วก็จะขึ้นแบบนี้ และมีข้อความส่งมา
เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
===========================
Day - 0
2019 / 12 / 14
มาถึงสนามบินเชียงใหม่14:30 น. เข้าไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ไลอ้อนแอร์ พนง.บอกว่าเคาน์เตอร์เปิดบ่ายสามเราก็โอเคไปหาอะไรกินกันก่อนที่ร้านข้าวซอยเฮ้าส์ในสนามบินนั่นแหละ
มื้อแรกของวันเป็นข้าวซอยเนื้อ รสชาติอร่อยเลย แต่เนื้อเหนียวไปหน่อย ได้อาหารช้ามาก พนง.เท่าที่เห็นมีแค่สองคนแต่ลูกค้าเต็มร้านเลย เราไปนั่งตั้งนานสองนานก็ไม่มีใครมาเก็บจานลูกค้าคนก่อนหน้าที่เรามานั่งเลยจนต้องเรียกให้มาเก็บ
กินเสร็จก็ได้เวลาไปเช็คอิน ขาไปเราได้ซื้อนน.กระเป๋าไว้ที่ 50 กก. มีกระเป๋าโหลดทั้งหมด 3 ใบ ใบแรกของพ่อกับแม่ และใบที่สองของเรากับน้องน้ำหนักเท่ากันเลย 16 กก. ส่วนใบที่ 3 เราเอามาใส่ของที่จะซื้อเลยเบาสุดเลยประมาณ 4-5 กก.
จากนั้นก็เข้าไปนั่งรอในเกท รอประกาศขึ้นเครื่อง
ซักแป๊บก็เรียกขึ้นเครื่อง
18:09 น. แลนด์แล้วจ้า นี่ไม่รู้เป็นอะไรเวลาขึ้นสายการบินนี้ทีไรลงแรงมากทุกทีเลยสังเกตมาหลายรอบละ มันต้องเป็นทุกครั้งเลยอ่ะในขณะที่สายการบินอื่นลงนิ่มมาก ไม่มีกระแทกรุนแรงอะไรเลย -.-
WELCOME TO DON MUEANG
มารอรับกระเป๋าซึ่งเราได้สายพานที่ 14
เนื่องจากไฟลท์ต่อไปเราบินเวลา 23:45 น. เวลาเหลือเฟือเลยขึ้นไปหาอะไรกินที่ศูนย์อาหาร Magic garden มีร้านอาหารมากมายจนเลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินอะไรดี สุดท้ายก็มาจบลงที่ข้าวหมูกรอบเอ็มเค และชาไทยนมชีสของร้าน O Shinju ชาอร่อยมากกกกกกก ก.ไก่ล้านตัว คืออยากจะกินอีกแก้วเลยอ่ะ
กินเสร็จก็นั่งคุยกันไปเพลินๆ และเราบินไฟลท์ XJ600 ทางแอร์เอเชียเอ็กซ์ได้ทำการย้ายเคาน์เตอร์เช็คอินมาที่ T2 เราก็เลยลงไปถามจนท.ได้ความว่าจะเปิดเช็คอินตอน 21:00 น. เราเห็นว่าใกล้เวลาแล้วเลยลงมาต่อแถวเลย
ซึ่งเราได้ทำการเช็คอินออนไลน์มาแล้วย่นระยะเวลาในการต่อแถวลงเยอะเลย
ได้boarding pass มาแล้วว เวลาจะเข้าเกทเราต้องเดินไป T1 นะ อย่าสับสนกับที่เช็คอิน
เราได้สั่งของจากเว็บKing Power เอาไว้ก็ไปรับของก่อน
ซีลไว้อย่างดีและห้ามแกะจนกว่าจะถึงปลายทาง
เครื่องที่จะพาเราไปญี่ปุ่นรอบนี้ <3
และแล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง
สำหรับคนตัวเล็กนั่งได้สบายๆนะ แต่คนตัวใหญ่อาจจะอึดอัดไปสักหน่อย
มีเมนูชาไทยไข่มุกบุกด้วยยย ซึ่งถ้าเค้าจะเสิร์ฟอาหารตอนเช้าเรากินชาตอนเช้าไม่ได้แน่นอน ถ้ากินมีหวังได้นั่งหน้าห้องน้ำแน่ น่าเสียดาย
เที่ยงคืนเป๊ะได้เวลาออกแล้ว และก็ถึงเวลานอนของเรา
==============================
Day - 1
2019 / 12 / 15
NRT - Nakamise Street - Sensoji Temple - Odaiba - Akihabara
หลับๆ ตื่นๆ ส่องหน้าต่างดูก็เห็นว่าผ่านประเทศอะไรซักอย่าง ถ้าให้เดาคิดว่าน่าจะเป็นจีน
ประมาณครึ่งชั่วโมงถัดมาแอร์ก็มาแจกอาหารที่เราได้สั่งไว้ล่วงหน้า และใบเข้าตม.กรอกให้เรียบร้อยตั้งแต่บนเครื่องจะได้ไม่เสียเวลา
เมนูที่เราสั่งรอบนี้คือไก่อบซอสพริกไทยดำ ไม่รู้จะพูดยังไงเอาเป็นว่าไม่ถูกปากเราสักเท่าไหร่ น้ำซอสพริกไทยดำก็เหมือนกับน้ำซอสที่ราดสเต็ก แต่ตัวเนื้อไก่เอาไปอบกับพวกเครื่องเทศอะไรสักอย่างทำให้มันมีรสแปลกๆ ไม่ถูกปากเลย
ของพ่อ แม่ น้องเป็นผัดไทยสูตรโบราณห่อไข่
จากนั้นก็นอนไม่หลับอีกแล้ว ไม่รู้จะทำอะไรเลยส่องหน้าต่างถ่ายรูปเล่น ได้แต่คิดว่าเราจะมีโอกาสได้เห็นคุณฟูจิอีกมั้ยน้า
แผ่นดินญี่ปุ่นอยู่ตรงหน้าเราแล้วววว
นั่นไงงง Mt.Fuji ซูม x10
7:30 เวลาท้องถิ่น แลนด์จ้า เร็วกว่ากำหนดไป 30 นาที
Welcome to Japan
แล้วเราก็เดินๆๆ เพื่อที่จะไปหาตม.
รอบนี้ก็คือเราแสกนลายนิ้วมือด่านแรกไม่ผ่านอีกแล้วจ้า คุณลุงก็เลยให้ไปแสกนอีกทีด้านหลัง ก็ไปเข้าแถว แถวยาวมากกกก คือรอกว่าทุกคนจะผ่านจากตม.มาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าเห็นจะได้ ตม.ก็เหมือนเดิมเลย ง่ายๆ ไม่มีอะไร ไม่ถามอะไร ถ้าเรากรอกข้อมูลครบถ้วนก็ไม่มีปัญหา
หลังจากมากันครบทุกคนแล้วเราก็ไปเอากระเป๋า
เสร็จแล้วก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อไปซื้อตั๋วรถไฟ Keisei Skyliner เข้าเมือง และ Tokyo wide pass
ตามตารางเที่ยวที่เราทำมาเราเลยเลือกตั๋วรถไฟSkyliner ไป-กลับ + Tokyo Subway pass 48 hr. ราคา 5,180 เยน ขึ้นราคาจาก 5,100 เยน จ่ายด้วยเงินสดเท่านั้น
ตอนแรกจะเข้าไปซื้อwide pass แล้วแต่เห็นแล้วคนเยอะเหลือเกิน เลยว่าจะไปซื้อที่ Ueno แทน
จากนั้นเราก็เดินไปหาชานชาลาของเราเลย เมื่อเจอชานชาลาแล้วก็มาดูที่ตั๋วของเรา เราอยู่ตู้ที่ 2 จะมีป้ายบอกที่พื้นว่าตรงที่เรายืนอยู่คือตู้ที่เท่าไหร่เราก็เดินไปหาตู้ตามที่ระบุในตั๋วเราได้เลย
แต่ถ้าใครมาเวลากระชั้นชิดรถไฟจะออกแล้วให้ขึ้นรถไฟไปก่อนเลยตู้ที่เท่าไหร่ก็ได้แล้วค่อยไปเดินหาตู้และที่นั่งของเรา
ขึ้นรถไฟเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นก็ถึงเวลาหลับ 5555
10:03 น.ถึง Ueno เป๊ะ เราก็เดินออกมาที่สถานที JR เพื่อมาซื้อบัตร Suica ให้พ่อ แม่ น้อง
และ Wide pass เดินตรงเข้าไปที่ป้าย JR สีเขียวนั่นเลย ที่นี่คนไม่เยอะไม่น้อย แต่รอนานมาก -.-
ที่นี่ปิดห้าโมงเย็นนะ ใครจะมาซื้อพาสที่นี่เผื่อเวลาไว้นิดนึง
เนื่องจากรอนาน ระหว่างรอก็มีจนท.มาถามรายละเอียดต่างๆที่เราต้องการซื้อ เขาก็จะจดๆลงในกระดาษแล้วยื่นให้เราเพื่อไปยื่นที่หน้าเคาน์เตอร์จะได้ร่นเวลาลงมาอีก
คิวแรกๆไม่มีจนท.มาถามแบบนี้เลยใช้เวลารอนานหน่อย พอถึงคิวที่จนท.มาไล่ถามก่อนหลังๆก็แค่ยื่นใบให้จนท.ที่เคาน์เตอร์แป๊บเดียวก็เสร็จเลย
พอถึงคิวเราเราก็ยื่นใบนั้นให้และจองที่นั่งไปเลย ซึ่งเราได้ปริ้นใบนี้ยื่นให้จนท.เลย
ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย
ใช้เวลากับที่นี่ไปประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า เสร็จแล้วก็นั่งรถไฟใต้ดินไปโรงแรม โรงแรมเราอยู่สถานี Inaricho ถัดไปสถานีเดียว
ออกทางออกที่ 3 เดินมาไม่ไกลเลย
ครั้งนี้เราจองโรงแรม Mystays Ueno East 4 คืน 2 ห้อง ห้องเตียงแฝดและห้องสุพีเรียร์เตียงใหญ่ สนนราคาอยู่ที่ 85,850 เยน
ห้องแม่เราไม่ได้ถ่ายมา เป็นห้องขนาด 14 ตร.ม. แคบตามประสาญี่ปุ่น เปิดประตูห้องก็จะเจอกับทางเดินแคบๆ
ภาพจากเว็บ booking.com
ส่วนนี่ห้องของเรา เป็นห้องเตียงแฝด ขนาดห้อง 21 ตร.ม. ตอนแรกก็จะหาห้องของแม่ใหญ่ๆ นะ แต่ไม่มีเลย ลองเลือกห้องเตียงควีนไซส์ก็ใหญ่แค่เตียงขนาดห้องก็เท่าเดิม
ห้องเราถือว่ากว้างใช้ได้ อยู่สองคนไม่อึดอัด
แต่ด้วยว่าทางโรงแรมเช็คอินได้ตั้งแต่บ่ายสามเป็นต้นไป เราจึงฝากกระเป๋าและออกไปเที่ยวต่อ ออกจากโรงแรมก็เจอกับTokyo skytree ตรงหน้าเลยจ้า ครั้งนี้จะได้ไปมั้ยเนี่ย
เริ่มทริปแรกด้วยการไปวัดเซ็นโซจิ
มื้อเที่ยงวันนี้ตอนแรกเราว่าจะมากิน Ichiran Ramen นะ แต่พอไปถึงคนยาวล้นออกมาข้างนอกเลยเบนเข็มไปวัดก่อนละกัน
ก่อนจะเจอวัดเราก็จะต้องเจอกับNakamise Street ก่อน คนล้านแปด คือคิดว่าจะมาหาอะไรกินแถวนี้ก็ขอผ่านไปก่อนแล้วกัน
เดินไปหาวัดก่อน
เดินๆมาก็มาเจอกับเต้นท์ของกินข้างวัด คนไม่เยอะด้วย เลยซื้อมาสองสามอย่าง
อันนี้คือส่วนด้านนอกเป็นเนื้อวัวพันๆข้างในเป็นข้าว แม่ว่าอร่อย
อันนี้คิดว่าน่าจะเป็นขนมดังโงะ แป้งหนึบๆ อร่อยดี
ปูอัด น้องว่าอร่อย
อันนี้เราว่าอร่อยที่สุดละ อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกแต่อ่านภาษาเกาหลีเขียนว่า เนื้อคารูบิ กับปลาหมึก อร่อยมากกกกก เนื้อไม่เหนียวเลยแม้แต่นิดเดียว เนื้อเต็มปากเต็มคำ ไม่รู้จะบรรยายยังไงมันอร่อยจริงๆ
กินเสร็จแล้วเราก็ไปขึ้นเรือไปโอไดบะกันต่อ ไม่ต้องคิดอะไรมากเดินๆไปทางแม่น้ำก็เจอ
เรือลำนี้คือ HOTALUNA ที่จริงตามแผนเราต้องไปกับเรือลำนี้แหละแต่เนื่องจากเราเดิน5นาที หยุดถ่ายรูป 20 นาที ก็เลยต้องรอลำถัดไป
บ๊ายบาย 55555
จากนั้นเราก็เข้าไปซื้อตั๋ว ขณะนั้นเป็นเวลา 13:32 มีรอบ 13:35 พอดี เป็นเรือ Himiko รู้สึกว่าราคาจะขึ้นเหมือนกัน ปีที่แล้วถ้าจำไม่ผิดประมาณ 1,5xx กว่าเยน รอบนี้เป็น 1,720 เยนแน่ะ
มาแล้วเรือฮิมิโกะของเรา เรือลำนี้จะเล็กกว่าโฮตาลูน่า ไม่มีดาดฟ้า แต่จะใช้เวลาเร็วกว่านิดหนึ่ง
เข้าไปหาที่นั่งเลย
จากนั้นเราก็ไม่รับรู้อะไรแล้ว หลับค่ะะ
สะดุ้งตื่นอีกทีได้ยินเสียงประกาศอะไรไม่รู้ มองออกไปข้างนอกเห็นสะพานเรนโบว์แสดงว่าใกล้ถึงแล้ว
ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีก็ถึงโอไดบะ
บ๊ายบาย
ตึก Fuji TV
เดินๆไป DiverCity
Unicorn Gundam มาโอไดบะสองรอบ รอบที่สามเพิ่งจะได้มา
มาเจอตอนพี่แกแปลงร่างพอดี
จากนั้นก็เดินไปMega Web ด้วยแรงขาอีกแล้ว
เข้ามาก็มาเจอกับรถโบราณจัดแสดงอยู่ ตรงส่วนนี้ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร
มาดูแป๊บๆ และก็ไปจุดหมายต่อไป ไปส่งน้องดู Star wars Exhibition
นั่งรถไฟไปตามนี้เลย
ได้นั่งสาย Yurikamome รถไฟไร้คนขับ
ส่งน้องไปดูเรียบร้อย พวกเราที่เหลือก็เตร็ดเตร่ๆ อยู่แถวนั้น น้องส่งข้อความมาบอกว่าได้รอบ 17:00-18:00 น. ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาเกือบจะห้าโมงเย็น ก็รอไปยาวๆ
ไม่รู้จะไปรอที่ไหนก็เลยเดินไปเรื่อยๆ
หนาวมากกก แถวนั้นก็ไม่มีที่ไหนเที่ยวเลย ไม่รู้จะไปไหน เราเลยกลับไปเดินเล่นที่ห้างDiverCityดีกว่า
........................
พอน้องส่งข้อความมาว่าเลิกแล้วก็ขึ้นรถไฟไปเจอกันที่สถานี Shinonome เพื่อที่จะไป Ricoland น้องจะซื้อพวกอุปกรณ์เกี่ยวกับมอร์เตอร์ไซค์อะไรพวกนี้
สวัสดีเราเจอกันอีกแล้ว ;)
ซื้อของครบเรียบร้อย ไปกินข้าวเย็นกัน มื้อนี้ไปกินที่ Akihabara
มื้อเย็นของวันนี้จบที่ร้าน Gyukatsu Motomura
คนกินน้อยอย่างเราสั่ง 130g ก็พอ
มันจะเป็นเนื้อที่ทอดมายังไม่สุกแล้วให้เรามาย่างต่อ
พนง.แนะนำว่าย่างด้านละ 30 วิก็พอ
กินไปคำแรกอร่อยมากกกกกกกก คือในหัวเรานึกไปถึงมันก็แค่เนื้อชุบแป้งทอดอ่ะ พอได้กินแล้วมันอร่อยเกินคาด เนื้อนุ่มไม่เหนียวเลย แต่กินไปๆแอบเลี่ยนเหมือนกันต้องกินเป๊ปซี่ตามตลอด
22:00 น. กินเสร็จแล้วก็ไปเดินถ่ายรูปเล่นนิดๆหน่อยๆแล้วก็กลับโรงแรม
จบ Day-1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น