Day - 7
15 / 06 / 2018
NRT - DMK - CNX
Thai Airasia X XJ 603
NRT - DMK
14:25 - 19:10
วันนี้เราตื่นกันเก้าโมง เก็บของที่เหลืออะไรเสร็จเรียบร้อย เช็คเอ้าท์แล้วลากและแบกกระเป๋าไปขึ้นรถไฟใต้ดิน ขามาลากมาใบเดียวเบาๆ ขากลับงอกมาอีกสองใบ กับร่มอีก 1 คัน ที่ตัวมีเป้สะพายหลัง 1 ใบ กับถุงผ้าใส่หมวกกันน็อคของน้องอีกใบ ทุลักทุเลมาก ฝนก็ตกปรอยๆ สั่งลาอีก
เมื่อวานเราเดินไปสำรวจกันว่ามีทางออกไหนที่เป็นลิฟต์บ้าง ทุกทีเราจะออกที่ทางออก 3 เดินออกมาเลี้ยวซ้ายเดินไปไม่ไกลก็จะเจอลิฟต์เลย ลิฟต์เล็กมากกก คนต่อแถวประมาณห้าหกคน เขาเห็นเรามีกระเป๋าเดินทางเลยให้เราไปก่อน
เมื่อวานเราเดินไปสำรวจกันว่ามีทางออกไหนที่เป็นลิฟต์บ้าง ทุกทีเราจะออกที่ทางออก 3 เดินออกมาเลี้ยวซ้ายเดินไปไม่ไกลก็จะเจอลิฟต์เลย ลิฟต์เล็กมากกก คนต่อแถวประมาณห้าหกคน เขาเห็นเรามีกระเป๋าเดินทางเลยให้เราไปก่อน
ใหญ่ไม่พอหนักอีกต่างหาก
จากสถานี Tawaramachi ไปลงที่ Ueno เดินไปหาตึกของ Keisei Skyliner ไปจองที่นั่งแล้วไปนั่งรอรถไฟ เข้าไปถึงก็เจอรถไฟจอดอยู่
นั่งรอซักพักเขาก็ประกาศให้ขึ้นรถไฟได้
รอบนี้คือทุกคนกระเป๋ามากันคนละใบ ทำให้ที่วางกระเป๋าบนรถไฟไม่พอ เราต้องเอากระเป๋าเรามาวางไว้ด้านหน้าเรา
ถึงสนามบินประมาณ 11 โมงเกือบเที่ยง เคาน์เตอร์เปิดให้เช็คอินแล้ว และเหมือนเดิมเลยคือแถวยาวมากกกก เราก็ต่อแถวนี้ไปก่อนมันยาวมาจากอีกฝั่งนึงเลยอ่ะ คือเราก็ไม่กล้าที่จะแซงขึ้นไป กลัวโดนมองแรง 55555 กะว่าจะรอให้ไปถึงอีกด้านก่อนแล้วค่อยไปหาแถวสำหรับเช็คอินออนไลน์มาแล้ว
พอมาถึงฝั่งเคาน์เตอร์เช็คอิน เราก็ให้เพื่อนเฝ้าของให้ขอเดินขึ้นไปดูหัวแถวก่อนเผื่อจะมีแถวแยกสำหรับคนที่เช็คอินมาแล้ว
พอมาถึงฝั่งเคาน์เตอร์เช็คอิน เราก็ให้เพื่อนเฝ้าของให้ขอเดินขึ้นไปดูหัวแถวก่อนเผื่อจะมีแถวแยกสำหรับคนที่เช็คอินมาแล้ว
แถวสำหรับคนที่เช็คอินมาแล้วโล่งและไม่มีคนเลย เลยให้เพื่อนออกมาจากแถวมาเข้าช่องนี้ เดินเข้าไปพนง.ก็ยิ้มต้อนรับอย่างดีจัดการโยนกระเป๋าที่จะโหลดใต้เครื่องไปซะ
กระเป๋าลากใบใหญ่เรา 23 โลแน่ะ ดีนะที่ซื้อนน.มา 25 โล
แล้วพนง.ก็บอกว่าหมวกกันน็อค carry on ไม่ได้ ในใจคิดเลย 'ชิบหายแล้วไง' คือกล่องหมวกก็ไม่ได้เอามา เอาใส่มาแต่ถุงผ้าเลย พนง.บอกว่าไม่ต้องกังวลนะ ด้านหลังเคาน์เตอร์มีให้ซื้อกล่อง
พนง.ก็โหลดกระเป๋าที่เหลือไปก่อน บอกให้เราไปซื้อกล่องแล้วกลับมาที่นี่อีกรอบ และจะขอเก็บบอร์ดดิ้งพาสของเราไว้ก่อน เราก็โอเคไม่มีปัญหา เดินไปซื้อกล่องกับเพื่อน
กล่องที่ไซส์พอดีกับหมวกก็หมดอีกเลยต้องซื้อกล่องใหญ่ ใหญ่มากจริงๆ คือเกือบเท่ากระเป๋า 29 นิ้วของเราเลย ที่ว่างเหลือเยอะขนาดนี้กลัวมันจะกระทบกระแทก แตก เป็นรอยขึ้นมายุ่งเลย ค้นกระเป๋าเป้ดูว่ามีอะไรพอที่จะใส่ไปได้บ้าง เลยเอาเสื้อกันฝนมาห่อหมวก แล้วใส่ถุงผ้าที่แถมหมวกมาอีกที ค้นๆๆ เจอกระเป๋าผ้าที่เราเพิ่งซื้อมาก็เอามาใส่อีกชั้น เพื่อนก็ค้นๆๆกระเป๋าตัวเอง เจอถุงพลาสติก 2 ใบ ก็เอามาใส่เข้าไปอีก มัดให้มันพองๆ คือเราทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ละ 555555
จากนั้นช่วยกันแบกกล่องไปที่เคาน์เตอร์เช็คอินเดิม พนง.คนนั้นเขาออกมายืนรอเราเลยอ่ะ 5555 ช่วยแพคกล่องให้และคาดสติ๊กเกอร์ Fragile เป็นอันจบ แล้วก็รับบอร์ดดิ้งพาสมา
และนี่คือสัมภาระที่เราจะ carry on จ้า โหลดใต้เครื่องไปแล้วใช่ว่าภาระจะหมด มาช็อปปิ้งของฝากที่สนามบินอีก
เงินในบัตร Suica ที่เหลือเราก็เอาไปซื้อขนมหมดเลย
ซื้อของเสร็จก็เดินเข้าไปในเกทเจอร้าน Excelsior Cafe มีไอติมด้วย
อร่อยน้ำตาไหลอ่ะ รสชาติครีมๆ คืออร่อยจริงๆ 500 เยนเอง แล้วตัวโคนมันจะเป็นขนมปังแข็งๆ กรอบๆ อร่อยเหมือนกันแต่เวลาที่ไอติมละลายแล้วมันซึมออกมาทุกทิศทางเลย 5555
กินเสร็จเดินเข้าไปนั่งรอในเกท
จะไปแล้วจ้า บ๊ายบายญี่ปุ่น หวังว่าเราจะได้มีโอกาสมาอีกครั้งนะ :)
ง่วงมากกก เครื่องtake off ปุ๊บหลับเลย รู้ตัวอีกทีคือตอนแอร์ฯ จะแจกอาหาร
เมนูที่เราได้วันนี้คือ ข้าวอบไก่ย่าง อร่อยยยยยยย น้ำจิ้มอร่อยมากกกก หรือเพราะคิดถึงอาหารไทยก็ไม่รู้เนี่ย กินหมดไม่เหลือเลย
คือมีความรู้สึกว่าได้กินอิ่มก็วันนี้แหละ แล้วก็คิดถึงช้อนมาก 55555555
ถึงดอนเมืองปุ๊บเกิดอีเว้นท์เลย กระเป๋าเพื่อนสลับกับของคนอื่น คือรอจนหมดแล้วก็ไม่มีกระเป๋าของตัวเองออกมา มีแต่กระเป๋าที่คล้ายๆ กันอยู่ใบนึงอยู่บนสายพานวนไปวนมา เลยไปแจ้งให้จนท.แอร์เอเชีย เค้าก็ตามให้ดีมากเลย ตามโทรจิกเจ้าของกระเป๋าใบที่คล้ายของเพื่อนเราเลยก็ว่าได้จิกเลยก็ว่าได้ แล้วเราต้องมีไฟลท์ต่อไปเชียงใหม่อีก
บทสนทนาคร่าวๆ ของเจ้าหน้าที่กับคนที่สลับกระเป๋าเพื่อนเราไป
จนท. : ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณอยู่ไหนแล้วครับ คุณได้หยิบกระเป๋าไปผิดหรือเปล่า รบกวนช่วยเช็คให้หน่อยครับ
เขา : ออกมาแล้ว ไม่ผิดค่ะ
จนท. : จะไม่ผิดได้ยังไงก็กระเป๋าคุณอยู่กับผมที่สนามบินเนี่ย รบกวนคุณช่วยจอดรถเช็คให้หน่อยน้องเขามีไฟลท์ต่ออีก ยังไงถ้าเช็คแล้วรบกวนช่วยโทรมาเบอร์นี้ด้วยนะครับ
ซักพักเขาก็โทรมาบอกว่าสลับไปจริงๆ -.- จนท.นัดให้ว่าจะไปเจอกันที่ไหน แล้วก็มาพาเราสองคนออกไป เราซึ่งมีกล่องต้องสงสัยใหญ่มหึมา -.- เขาก็ถามเราว่าในกล่องคืออะไร เราก็บอกว่าหมวกกันน็อคค่ะใบเดียวเลย
คือถ้ากระเป๋าเพื่อนเราไม่ได้โดนสลับเราจะต้องไปผ่านศุลกากรช่องเขียวช่องแดงอะไรนั่นแต่นี่เขาพาเรามาอีกช่องที่ปิดไว้ เขาก็ให้เราสแกนกล่องสแกนกระเป๋าลาก จนท.ตรงที่สแกนเขาถามเราในกล่องนั่นมีหมวกกันน็อคใบเดียวเหรอน่ะ เสียงประมาณว่า กล่องใบตั้งใหญ่มีหมวกใบเดียวเนี่ยนะประมาณนั้น 555555555 แล้วก็ผ่านออกมาเลย
คือถ้ากระเป๋าเพื่อนเราไม่ได้โดนสลับเราจะต้องไปผ่านศุลกากรช่องเขียวช่องแดงอะไรนั่นแต่นี่เขาพาเรามาอีกช่องที่ปิดไว้ เขาก็ให้เราสแกนกล่องสแกนกระเป๋าลาก จนท.ตรงที่สแกนเขาถามเราในกล่องนั่นมีหมวกกันน็อคใบเดียวเหรอน่ะ เสียงประมาณว่า กล่องใบตั้งใหญ่มีหมวกใบเดียวเนี่ยนะประมาณนั้น 555555555 แล้วก็ผ่านออกมาเลย
เพื่อนเราก็ไปแลกกระเป๋ากับคนที่สลับไป
คราวนี้เราก็เดินไปอีกอาคารเพื่อไปเช็คอินไฟลท์ไปเชียงใหม่ ขากลับบินของไลอ้อนแอร์ ดีเลย์ระนาวเลยจ้า
ถึงเชียงใหม่เที่ยงคืนกว่า
และก็จบทริปนี้
และก็จบทริปนี้
HAPPY ENDING
======================================
ขอบคุณเพื่อนมากๆ ถ้านางไม่มีด้วยทริปนี้คงไม่ได้เกิดแน่ๆ ชวนนางมาด้วยคำถามที่ว่า "แก ไปญี่ปุ่นกัน" แล้วนางก็ตกลง 55555555555 ขอบคุณจากใจจริงๆ *กราบ*
ขอบคุณแม่ที่อนุญาตให้ไป และคอยมารับมาส่ง
ขอบคุณ google map ที่พาเราไปทุกที่โดยไม่หลง ถ้าไม่นับที่เราลงผิดสถานีเอง 55555
======================================
สรุปค่าใช้จ่าย
ไม่อยากสรุปเลยOrz ตอนแรกตั้งปณิธานไว้ว่าจะต้องเป็นทริปที่ประหยัด มันไม่เป็นแบบนั้นแล้วสิ
ทริปนี้เราไม่ได้กินหรู กินตามร้านปกติเลย เนื้อ A5 ที่เราตั้งใจจะไปกินก็ไม่ได้กิน แต่หนักไปทางช็อป แล้วก็อยู่สบาย อันนี้ต้องขอเรื่องมากหน่อยเพราะเราต้องการห้องน้ำส่วนตัวและใกล้สถานีรถไฟ
ทริปนี้ 9 - 15 มิถุนายน 2018 (7 วัน 6 คืน)
1. ค่าตั๋วเครื่องบินการบินไทย CNX - BKK
= 1,265 บาท
2. ค่าตั๋วเครื่องบินThai Airasia X DMK - NRT - DMK
= 9,594 บาท (รวมค่าที่นั่ง, อาหาร, นน. กระเป๋าขาไป 20 กก. ขากลับ 25 กก.)
3. ค่าตั๋วเครื่องบิน Thai Lionair DMK - CNX
= 1,575 บาท (รวมค่าที่นั่ง, นน.กระเป๋าซื้อเพิ่มอีก 15 กก.)
4. Sim2fly
= 399 บาท
5. ประกันการเดินทางทิพยประกันภัย
= 362 บาท
6. บัตรคอนเสิร์ต
= 6,150 บาท
7. ค่าโรงแรมshinyokohama kokusai (โยโกฮาม่า)
= 4,000 บาท
8. Pocket Money
= 70,000 บาท
(เฉพาะของตัวเอง ไม่รวมกับของน้องที่ฝากมาซื้อหมวกกันน็อคกับของอย่างอื่น)
(ค่าโรงแรม Keihan Asakusa ที่โตเกียวก็ใช้เงินส่วนนี้จ่าย)
รวมทั้งหมด 93,345 บาท (เหงื่อแตกกกก)
เหลือกลับบ้านมาประมาณสองพันกว่าบาท 555555